เรื่อง : นายก อบจ. เข้าร่วมประชุม "ท้องถิ่นไทยรวมไทยสร้างชาติ"
รายละเอียด
ดร.เอกภาพ พลซื่อ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วมประชุม "ท้องถิ่นไทยรวมไทยสร้างชาติ" โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ภายใต้กรอบแนวคิด "ท้องถิ่นไทยรวมไทยสร้างชาติ" โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วม โดยนายกฯ กล่าวว่า ตนต้องขอแสดงความยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเข้ามาดำรงตำแหน่งและหวังว่าจะทำได้อย่างที่พูดและหาเสียงไว้ในสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็วโดยจะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกันกับรัฐบาล และส่วนภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระดับฐานราก เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งร่วมกัน ทุกคนทราบดีว่ากลไกภูมิภาคส่วนท้องถิ่นเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าได้ดำเนินการภายใต้การนำของรัฐบาล ส่วนภูมิภาคโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนท้องถิ่นผู้บริหารองค์การส่วนท้องถิ่น ที่ทำให้เกิดการบูรณาการสอดคล้องกันในการแก้ไขปัญหาองค์รวม ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ชื่นชมในการแก้ไขปัญหาของไทยได้เป็นอย่างดีในระดับต้นๆของโลก ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคนไทยเห็นถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วน และบุคคลสำคัญอย่างอสม. นายกฯ กล่าวว่า คนไทยต้องมีน้ำใจซึ่งกันและกันไม่ใช่เฉพาะหน้าที่อย่างเดียวแนวคิดคือท้องถิ่นไทยรวมใจสร้างชาติ การที่จะเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่ยังอีกกว่า 200 ประเทศในโลกใบนี้ ซึ่งต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ซึ่งต้องพัฒนาตัวเองในเรื่องนี้ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ถ้าเริ่มต้นจุดสตาร์ทไม่ได้ก็ไปข้างหน้าไม่ได้ทั้งหมด เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงก็ต้องปรับ ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องกำหนดนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ต้องคิดให้แนวทางในการวางแผน นำไปสู่การปฏิบัติแผนงานโครงการต่างๆให้สอดคล้องกับแผนนโยบายทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในห่วงโซ่การทำงานตรงนี้ก็ต้องทำแบบนี้ ตนคนเดียวทำไม่ไหว เมื่อตนกำหนดกรอบนโยบายไปแล้วส่วนภูมิภาคส่วนท้องถิ่นก็ต้องรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก นายกฯ กล่าวว่า ส่วนปัญหาด้านเศรษฐกิจ คือวัยแรงงานนั้นลดลงไปเรื่อยๆ นั่นคือปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ และดูแลว่าจะทำอย่างไรให้คนเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้มีอาชีพมีรายได้ที่เหมาะสมต่อการอยู่ในสังคมสูงวัย เพื่อไม่ให้เป็นภาระซึ่งกันและกัน แต่ต้องดูแลว่าจะทำอย่างไรให้พวกเขามากบ้างน้อยบ้างก็ต้องว่ากันไป นอกจากนี้จะสามารถยกระดับประสิทธิภาพแรงงานได้อย่างไร พร้อมกับระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่โลกใบนี้จะมีคนรวยเท่ากัน แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศคือต้องดูแลซึ่งกันและกัน อย่างน้อยต้องมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง มีความพอประมาณ มีการใช้จ่ายที่เหมาะสมและมีความรู้คู่คุณธรรม ตนตำหนิใครไม่ได้ พอไม่คำนึงถึงรายได้ตัวเองก็เป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น การแก้ไขปัญหาต้องแก้ระมัดระวังไม่ให้ทับถมกับปัญหาเก่า การใช้จ่ายภาครัฐจำนวนมากถือเป็นรายได้ที่มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ ต้องจัดสัดส่วนในการใช้ดูแลอย่างไรเพื่อดูแลประชาชน นายกฯ กล่าวว่า การประกันสุขภาพในวันนี้รัฐบาลมีการเพิ่มระบบประกันสุขภาพ 3,000 บาทต่อรายหัว จากเดิม 2,000 กว่าบาท พร้อมเพิ่มการครอบคลุมหลายโรคซึ่งเป็นการพัฒนามาโดยลำดับ หลายอย่างที่ดีมีอยู่แล้ว ก็ทำให้ครอบคลุม หรือทำให้ดีขึ้นไม่ใช่ทำอะไรที่ดีๆก็ไปยกเลิกมันไม่ใช่ตนเข้ามา ตนต้องไปแก้ทุกอย่างทำดีแล้วจะไปยกเลิกก็ไม่ใช่ เพียงแต่ขออย่างเดียวอย่าทุจริต ทั้งนี้ บางอย่างไม่ใช่เรื่องของตนที่จะไปก้าวก่ายใครทั้งสิ้นทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละฝ่ายที่ต้องดำเนินการไป ตนเป็นผู้กำหนดนโยบายจะทำหรือไม่ทำ พร้อมกับระบุว่าประชาชนมีจำนวนมากย่อมมีความแตกต่างทางความคิด ความยับยั้งชั่งใจ หรือความสนุกสนานอย่างเลยเถิด สิ่งเหล่านี้คือคน คือมนุษย์ เหมือนกับเอาทุกอย่างมาคนอยู่ในโถ จะยุ่งกันไปหมด เพราะต่างคนต่างมีความคิด แต่จะทำอย่างไรให้เราคิดอย่างนั้นไปในทางสร้างสรรค์ไม่ขัดแย้ง นี่คือศักยภาพของคนไทยจะต้องเป็นอย่างนี้ หากมีความขัดแย้งก็แก้ไขปัญหา เป็นไปในช่องทางที่มีอยู่ ส่วนในช่องทาง ที่ไม่เหมาะสมก็อย่าไปใช้เพราะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
วันที่ 08 เดือน เมษายน พ.ศ. 2564
View 000410